ในเกม ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง บาร์เซโลน่า ทีมแกร่งของลีกเมือง กระทิงดุ เปิดบ้าน คัมป์ นู ต้อนรับการมาเยือนของทีม พ่อบุญทุ่มแห่งฝรั่งเศส อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมงต์ โดยเกมรแก บาร์เซโลน่า บุกไปเอาชนะมาได้ที่ ปาร์ก เดอส์ แพรงส์ ที่สกอร์ 3-2 ทำให้เกมนี้ บาร์เวโลน่า เล่นแค่เสมอก็เข้ารอบได้แล้ว
บาร์เซโลน่า มาเต็ม ปารีสฯ ก็มาเต็มเช่นกัน
เกมนี้ทาง ชาบี เอร์นานเดซ กุนซือของ ทัพ อาซูลกราน่า ก็จัดชุดใหญ่ที่สุดลงสนามเลยทีเดียว เมื่อใช้สามประสานแดนหน้าอย่างทาง ลามีน ยามาล เจ้าหนูวัย 16 ปี เล่นกับทางกองหน้าตัวเก๋าอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่อีกด้านเป้นทาง ราฟินญ่า สตาร์ทีมชาติ บราซิล ลงลากเลื้อย ในแผงมิดฟิลด์นั้น ใช้ทาง เปดรี้ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง เล่นกับทาง อิลคาย กุนโดกัน และทาง แฟร้งกี้ เดอ ยอง ด้านแผงหลัง จากซ้ายไปขวาใช้ทาง ชูเอา กานเซโล่ ,เปา คูบาร์ซี่ , โรนัลด์ อาเราโฮ , ชูล กุนเด้ นายทวารเป็น มาร์ค อันเดร แดร์ สเตเก้น
ส่วนทาง หลุยส์ เอ็นริเก้ อดีตกุนซือของทัพ บาร์ซ่า ที่มาคุมทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในตอนนี้ ก็ไม่มีทางเลือก จัดเอาชุดเต็มระบบลงสนามด้วย ใช้ทาง แบรดลี่ย์ บาร์โคล่า,คิเลี่ยน เอ็มบัปเป้,อุสมาน เด็มเบเล่ ลงเล่นเป็นสามแนวรุก มิดฟิลด์สามคนใช้ วิคินญ่า,เฟเบียน รุยซ์,ซาเร่ เอเมรี่ ลงเล่นร่วมกัน กองหลัง 4 คน จากซ้ายไปขวา นูโน่ เมนเดส,ลูคัส เอร์นานเดซ,มาร์ควินญอส,อัชราฟ ฮาคิมี่ นายทวารเป็น จิอันลุยจิ ดอนนารุมม่า
เริ่มเกมในครึ่งแรก ทางทัพ ปรีส เดินหน้าเข้าหาเพื่อเอาประตูให้ได้ แต่ก็เป็นทาง บาร์เซดลน่า เจ้าบ้านที่ได้ระตูขึ้นนำออกไปก่อนในนาทีที่ 12 เมื่อทาง ลามีน ยามาล ได้บอลที่ด้านขวา ก่อนที่จะกระชากหนีทาง นูดน่ เมนเดส แบ็กซ้าน ปารีส เข้าไปเปิดให้ทาง ราฟินญ่า เข้าชาร์จ ส่วนใหทีม บาร์เซโลน่า ขึ้นนำ 1-0 ไปอย่างรวดเร็ว และทำให้น้ำห่างสกอร์รวมไป 4-2 เลยทีเดียว
แต่พอมาในนาทีที่ 29 ก็มาเกิดจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้ เมื่อทาง โรนัลด์ อาเราโฮ กองหลัง บาร์ซ่า โดนทาง แบรดลี่ย์ บาร์โคล่า กระชากหนี แล้วไปดึงก่อนเข้าเขตโทษ ส่งผลให้โดนใบแดงไล่ออกไปจากสนาม ทำให้ บาร์ซ่า เหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น
จนมาถึงในนาทีที่ 40 ทัพ ปารีส เองก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้ เมื่อทาง บาร์โคล่า เปิดจากทางฝั่งซ้าย เอ็มบัปเป้ เข้าชาร์จไม่โดน แต่เป็นทาง อุสมาน เด็มเบเล่ อดีตเด็กเก่าของ บาร์เซโลน่า แปเสยเพดานตาข่ายที่เสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม ส่งผลให้เสมอกันที่ 1-1 ก่อนที่จะจบลงด้วยสกอร์นี้ในครึ่งแรก
เข้าสู่ครึ่งแรก ยังบุกใส่กันตลอด
พอเข้ามาในครึ่งหลัง ทางทัพ “เปแอสเช” ที่ได้เปรียบตัวผุ้เล่นและต้องการสกอร์เพิ่มนั้น ก็เดินหน้าใส่เกียร์ 5 เร่งเครื่องเต็มกำลัง หวังเอาประตูขึ้นนำให้ได้ และก็ได้อย่าที่ต้องการ จากเตะมุมที่เล่นสั้นกันมา อัชราฟ คาริมี่ ส่งต่อมาให้ วิตินญ่า ที่หน้าเขตโทษ แต่งบอลหนึ่งที ก่อนที่จะตะบันด้วยขวาบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม พาทีมดังจาก ฝรั่งเศส ขึ้นนำ 2-1 ในทันที
จากนั้นเหมือนทางทีมเจ้าบ้านเกือบจะตื่นขึ้นมาได้บ้าง เมื่อทาง อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์ของทีมนั้น ได้บอลที่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะยิงแบบหักข้อ แต่บอลเจ้ากรรมนั้นดันไปชนเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย อดได้ประตูตีเสมอไป แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ของทีมก็ยิ่งแย่ลงไปอีก ในนาทีที่ 60 เมื่อทาง ชูเอา กานเซโล่ ไปเสียบทาง อุสมาน เดมเบเล่ ในกรอบเขตโทษ แล้วเป็นทาง เอ็มบั๊ปเป้ ยิงเข้าไปไม่พลาด
พอโดนขึ้นนำและดูเหมือนจะต้องตกรอบนั้น บาร์เซโลน่า เองก้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงได้เดินหน้าต่อแบบไม่มีหยุด แพ้เท่าไหร่ก็ตกรอบเหมือนกัน ซึ่งในนาทีที่ 73 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้ยิงด้วยซ้ายบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ แต่ ดอนนารุมม่า ก็ยังเซฟเอาไว้ได้ ก่อนที่กองหลังจะช่วยกันเลียร์บอลออกไปให้พ้นอันตราย
จากนั้นในนาที่ที่ 87 เปแอเช เสียบอลที่กลางสนาม เลวานดอฟสกี้ ได้บอลกระชากเข้าหาประตู ก่อนที่จะตัดสินใจยิงด้วยขวา แต่บอลดันไปติดบล็อกของทาง มาร์ควินญอส ทั้งๆที่มีเพื่อนร่วมทีมขอบอลอยู่ทางด้านขวา แถมยังโล่งกว่าอีกด้วย
แต่ฟุตบอลมันก็คือฟุตบอล บุกแล้วทำไม่ได้ ทาง เปแอสเช เองเลยจัดการลงดาบขั้นเด็ดขาดในนาทีที่ 89 เอ็มบัปเป้ ได้บอลก่อนยิงไปติดเซฟ สเตเก้น แต่กองหลังของ บาร์เซโลน่า ก็เคลียร์ไม่ขาด ไปเข้าทาง เอ็มบัปเป้ อีกที ยิงด้วยซ้ายเข้าเสาแรกไป ส่งให้ทาง ปารีสฯ ขึ้นนำ 4-1 และจบลงด้วยสกอร์นี้ ส่งผลให้สกอร์รวม ปารีสฯ เข้ารอบด้วยสกอร์ 6-4 ซึ่งจะต้องลงสนามในช่วงสิ้นเดือนนี้